ศึกฟุตบอลยูโร 2020 คืนวันพุธที่ 7 ก.ค.นี้ เดินทางมาถึงรอบรองชนะเลิศกันแล้ว ซึ่งจะมีโปรแกรมลงเตะเพียงหนึ่งคู่ และเป็น “บิ๊กแมทช์” นัดดวลแข้งกันระหว่าง อิตาลี พบกับ สเปน ในเวลาตี 2 โดยสามารถติดตามบทวิเคราะห์ฟันธงจนถึงรอบชิงชนะเลิศในวันอาทิตย์ที่ 11 ก.ค.นี้กันได้เลย

อิตาลี VS สเปน
สนาม : เวมบลีย์, กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ
เวลา : 02.00 น.
อิตาลี
ผลงาน 5 นัดหลังสุด
ชนะ ตุรกี 3-0 (ยูโร 2020)
ชนะ สวิตเซอร์แลนด์ 3-0 (ยูโร 2020)
ชนะ เวลส์ 1-0 (ยูโร 2020)
ชนะต่อเวลา ออสเตรีย 2-1 (ยูโร 2020 รอบ 16 ทีมสุด้ทาย หลังเสมอในช่วง 90 นาที 0-0)
ชนะ เบลเยี่ยม 2-1 (ยูโร 2020 รอบ 8 ทีมสุดท้าย)
คาดว่ากุนซือ โรแบร์โต้ มันชินี่ จะปรับทัพจากเกมรอบ 8 ทีมสุดท้ายที่เฉือนชนะ เบลเยี่ยม 2-1 และยังคงสานต่อสถิติไร้พ่าย 32 นัดติดต่อกันจากการลงเล่นในทุกรายการ นอกจากนี้ยังสร้างสถิติคว้าชัยในศึกยูโรนับตั้งแต่รอบคัดเลือกได้มากถึง 15 นัดรวด จึงพร้อมจัดผู้เล่นชุดใหญ่ลงสนามตามแผนการเล่นแบบ 4-3-3 เพื่อตามล่าแชมป์ยุโรปเป็นสมัยที่ 2 ให้ได้ หลังจากที่เคยสัมผัสมาแล้วหนึ่งครั้งในศึกยูโร 1968 เมื่อ 53 ปีที่แล้ว โดยผู้รักษาประตูยังคงใช้ จานลุยจิ ดอนนารุมม่า ยืนเฝ้าเสาเหมือนเดิม แนวรับยังคงให้ 2 จอมเก๋า จอร์โจ้ คิเอลลินี่ ยืนคู่กับ เลโอนาร์โด้ โบนุชชี่ ส่วนแบ็กซ้ายหมดสิทธิ์ใช้งาน เลโอนาร์โด้ สปินาซโซล่า ได้รับบาดเจ็บจนต้องพักยาว จึงน่าจะให้ เอแมร์ซอน พัลมิเอรี่ ลงไปทำหน้าที่แทน ขณะที่แบ็กขวายังต้องรอเช็กสภาพความฟิตของ อเล็กซานโดร ฟลอเรนซี่ หากลงเล่นไม่ได้จะให้ โจวานนี่ ดิ ลอเรนโซ่ ออกสตาร์ทเป็นตัวจริงเหมือนเดิม แดนกลางไม่น่าจะใช้ มานูเอล โลคาเตลลี่ เพื่อเปิดทางให้ มาร์โก แวร์รัตติ ลงไปยืนคุมเกมร่วมกับ จอร์จินโญ่ และ นิโกโล่ บาเรลล่า แนวรุกน่าจะดร็อป โดเมนิโก้ เบราร์ดี้ นั่งเป็นตัวสำรองต่อไป เนื่องจาก เฟเดริโก้ เคียซ่า ทำผลงานในตำแหน่งปีกขวาได้น่าประทับใจเพื่อประสานงานกับ ชิโร่ อิมโมบิเล่ และ ลอเรนโซ่ อินซิเญ่
รายชื่อ 11 ผู้เล่นตัวจริงที่คาดว่าจะลงสนาม
ผู้รักษาประตู : จานลุยจิ ดอนนารุมม่า
แนวรับ : เลโอนาร์โด้ โบนุชชี่, จอร์โจ้ คิเอลลินี่, โจวานนี่ ดิ ลอเรนโซ่, เอแมร์ซอน พัลมิเอรี่
แดนกลาง : จอร์จินโญ่, นิโกโล่ บาเรลล่า, มาร์โก แวร์รัตติ
แนวรุก : เฟเดริโก้ เคียซ่า, ชิโร่ อิมโมบิเล่, ลอเรนโซ่ อินซิเญ่
สเปน
ผลงาน 5 เกมหลังสุด
เสมอ สวีเดน 0-0 (ยูโร 2020)
เสมอ โปแลนด์ 1-1 (ยูโร 2020)
ชนะ สโลวะเกีย 5-0 (ยูโร 2020)
ชนะต่อเวลา โครเอเชีย 5-3 (ยูโร 2020 รอบ 16 ทีมสุดท้าย หลังเสมอ 90 นาที 3-3)
ชนะจุดโทษ โครเอเชีย 3-1 (ยูโร 2020 รอบ 8 ทีมสุดท้าย หลังเสมอ 120 นาที 1-1)
คาดว่ากุนซือ หลุยส์ เอ็นริเก้ จะปรับทัพจากเกมรอบ 8 ทีมสุดท้ายที่เฉือนชนะ สวิตเซอร์แลนด์ ในช่วงดวลจุดโทษตัดสิน 3-1 หลังเสมอกันจนถึงช่วงต่อเวลาพิเศษครบ 120 นาที 1-1 จึงพร้อมให้พวกแข้งหลักลงสนามตามแผนการเล่นแบบ 4-3-3 แม้จะต้องออกแรงเหนื่อยในทุกๆ เกมก็ตาม โดยเฉพาะในรอบน็อคเอาท์ที่ต้องลงเตะจนถึง 120 นาทีทั้ง 2 เกมเลยด้วย แต่ยังไม่พบกับความปราชัยในศึกยูโร 2020 แม้แต่นัดเดียว และยังพร้อมตามล่าแชมป์ยุโรปเป็นสมัยที่ 4 หลังจากที่เคยสัมผัสมาแล้ว 3 ครั้งในศึกยูโร 1964, 2008 และ 2012 ไล่ตั้งแต่ผู้รักษาประตูยังคงให้ อูไน ซิมอน สวมบทเป็นมือหนึ่งเหมือนเดิม แนวรับยังต้องรอเช็กสภาพร่างกายของ เอริค การ์เซีย หากไม่ฟิตจะให้ เปา ตอร์เรส ยืนคู่กับ อายเมริก ลาปอร์ก ต่อไป ส่วนฟูลแบ็กทั้งสองฝั่งยังคงใช้บริการของ เซซาร์ อัซปิลิกวยต้า กับ ฆอร์ดี้ อัลบา แดนกลางพร้อมจับ ติอาโก้ อัลคานทาร่า นั่งเป็นตัวสำรองต่อไป เพื่อให้ เปดรี้ ยืนคุมเกมร่วมกับ เซร์คิโอ บุสเกตส์ และ โกเก้ เพราะตอนนี้แผงมิดฟิลด์มีความลงตัวอยู่แล้วด้วย แนวรุกหมดสิทธิ์ใช้งาน ปาโบล ซาราเบีย มีปัญหาบาดเจ็บ จึงพร้อมให้ ดานี่ โอลโม่ ลงไปยืนเป็นปีกขวา และน่าจะใช้ เฟร์ราน ตอร์เรส สวมบทเป็นปีกซ้าย ส่วนกองหน้าตัวเป้ายังคงใช้ อัลบาโร่ โมราต้า
รายชื่อ 11 ผู้เล่นตัวจริงที่คาดว่าจะลงสนาม
ผู้รักษาประตู : อูไน ซิมอน
แนวรับ : เปา ตอร์เรส, อายเมริก ลาปอร์ก, ฆอร์ดี้ อัลบา, เซซาร์ อัซปิลิกวยต้า
แดนกลาง : โกเก้, เซร์คิโอ บุสเกตส์, เปดรี้
แนวรุก : อัลบาโร่ โมราต้า, เฟร์ราน ตอร์เรส, ดานี่ โอลโม่
ผลการพบกัน 5 เกมหลังสุด
สเปน ชนะ อิตาลี 1-0 ในศึกฟุตบอลนัดกระชับมิตร เมื่อวันที่ 5 มีนาคม 2014
อิตาลี เสมอ สเปน 1-1 ในศึกฟุตบอลนัดกระชับมิตร เมื่อวันที่ 24 มีนาคม 2016
อิตาลี ชนะ สเปน 2-0 ในศึกฟุตบอลยูโร 2016 รอบ 16 ทีมสุดท้าย เมื่อวันที่ 27 มิถุนายน 2016
อิตาลี เสมอ สเปน 1-1 ในศึกฟุตบอลโลก 2018 รอบคัดเลือก โซนยุโรป เมื่อวันที่ 6 ตุลาคม 2016
สเปน ชนะ อิตาลี 3-0 ในศึกฟุตบอลโลก 2018 รอบคัดเลือก โซนยุโรป เมื่อวันที่ 2 กันยายน 2017
วิเคราะห์ฟันธง

คู่นี้เคยพบกันในทุกรายการมาแล้วทั้งหมด 33 นัด ปรากฎว่า อิตาลี มีสถิติเหนือกว่าเล็กน้อย โดยเป็นฝ่ายชนะ 12 เกม เสมอ 12 เกม และแพ้ 9 เกม ส่วนนัดล่าสุดเจอกันในศึกฟุตบอลโลก 2018 รอบคัดเลือก โซนยุโรปเมื่อปี 2017 ปรากฎว่า สเปน เปิดบ้านชนะ 3-0 นอกจากนี้ทั้งสองทีมยังเคยเผชิญหน้ากันในรอบสุดท้ายของศึกยูโรมาแล้วทั้งหมด 5 เกม ปรากฎว่า อิตาลี เหนือกว่า เพราะเป็นฝ่ายชนะ 2 เกม เสมอ 2 เกม และแพ้เพียงนัดเดียวในศึกยูโร 2012 รอบชิงชนะเลิศ ด้วยสกอร์ 0-4 และเพิ่งเจอกันในศึกยูโร 2016 รอบ 16 ทีมสุดท้าย โดย อิตาลี เป็นฝ่ายชนะ 2-0 แน่นอนว่า อิตาลี ได้รับการยกย่องให้เป็นทีมเต็งแชมป์จากการโชว์ฟอร์มในศึกยูโร 2020 ได้อย่างยอดเยี่ยมเหลือเกิน และมีขุมกำลังนักเตะที่แข็งแกร่งมากๆ แม้จะต้องมีการปรับแผงแนวรับตรงตำแหน่งฟูลแบ็กทั้งสองฝั่งก็ตาม ส่วนแนวรุกมีความดุดันมากขึ้นจากการให้ เฟเดริโก้ เคียซ่า ลงไปลากเลี้ยงบอลทางด้านขวา ส่วน สเปน ยิ่งเล่นยิ่งทำผลงานได้ดีขึ้นเรื่อยๆ หากเทียบกับผลงานในรอบแบ่งกลุ่มที่กว่าจะคว้าชัยในแต่ละเกมช่วงลำบากยากเย็นเหลือเกิน แต่มีจุดเด่นในแดนกลางที่ครองบอลได้อย่างเหนียวแน่นอน ถ้าดูจากภาพรวมต้องบอกว่า อิตาลี มีความลงตัวมากกว่า สเปน ซึ่งยังต้องปรับปรุงทีมในบางตำแหน่งกันแบบนัดต่อนัด จึงน่าจะเก็บชัยได้แบบหวุดหวิด
ผลที่คาด – อิตาลี ชนะ สเปน 2-1