ศึกชิงแชมป์ยุโรป บอลยูโร 2020 รอบแบ่งกลุ่ม ประจำวันศุกร์ที่ 18 มิ.ย.นี้ มีโปรแกรมลงสนามทั้งหมด 3 คู่ ไล่ตั้งแต่ ฮอลแลนด์ ปะทะ ออสเตรีย, สวีเดน เจอกับ สโลวาเกีย และปิดท้ายด้วย โครเอเชีย กับ เช็ก

ฮอลแลนด์ VS ออสเตรีย
สนาม : โยฮัน ครัฟฟ์ อารีน่า, กรุงอัมสเตอร์ดัม ประเทศฮอลแลนด์
เวลา : 02.00 น.
ฮอลแลนด์
ผลงาน 5 เกมหลังสุด
ชนะ ลัตเวีย 2-0 (เหย้า)
ชนะ ยิบรอลตาร์ 7-0 (เยือน)
เสมอ สกอตแลนด์ 2-2 (สนามเป็นกลาง)
ชนะ จอร์เจีย 3-0 (เหย้า)
ชนะ ยูเครน 3-2 (ยูโร 2020)
คาดว่ากุนซือ แฟรงค์ เดอ บัวร์ จะปรับทัพบางตำแหน่งจากเกมประเดิมสนามที่เฉือนชนะ ยูเครน 3-2 เพื่อลุ้นเก็บชัยเป็นนัดที่ 2 ติดต่อกัน และจะได้ขึ้นแท่นรอผ่านเข้าสู่รอบต่อไปด้วย โดยยังพร้อมให้พวกแข้งหลักออกสตาร์ทเป็นตัวจริงตามแผนการเล่นแบบ 3-4-1-2 ไล่ตั้งแต่ผู้รักษาประตูจะใช้ มาร์เท่น สเตเคเลนเบิร์ก ยืนเฝ้าเสาต่อไป แนวรับยังไม่น่าจะได้ มัทไธจ์ส เดอ ลิกท์ ฟิตกลับมาเป็นตัวจริง จึงน่าจะให้ นาธาน อาเก้ ลงไปยืนร่วมกับ สเตเฟาน เดอ ไฟร์จ และ ยูร์เรียน ทิมเบอร์ แดนกลางวาง เฟรงกี้ เด ยอง คุมเกมคู่กับ มาร์เท่น เดอ รอน ส่วนฟูลแบ็กทั้งสองฝั่งจะใช้ โอเว่น ไวจ์นดัล กับ เดนเซล ดัมฟรีส ซึ่งเป็นผู้ยิงประตูชัยจากเกมนัดแรกนั่นเอง แนวรุกพร้อมให้ จอร์จินโญ่ ไวจ์นัลดุม เป็นตัวปั้นเกมอยู่ด้านหลังของคู่กองหน้า เมมฟิส เดปาย กับ วูต เวกฮอร์สท
รายชื่อ 11 ผู้เล่นตัวจริงที่คาดว่าจะลงสนาม
ผู้รักษาประตู : มาร์เท่น สเตเคเลนเบิร์ก
แนวรับ : นาธาน อาเก้, สเตเฟาน เดอ ไฟร์จ, ยูร์เรียน ทิมเบอร์
แดนกลาง : เฟรงกี้ เด ยอง, มาร์เท่น เดอ รอน, โอเว่น ไวจ์นดัล, เดนเซล ดัมฟรีส
แนวรุก : จอร์จินโญ่ ไวจ์นัลดุม, เมมฟิส เดปาย, วูต เวกฮอร์สท
ออสเตรีย
ผลงาน 5 เกมหลังสุด
ชนะ หมู่เกาะแฟโร 3-1 (เหย้า)
แพ้ เดนมาร์ก 0-4 (เหย้า)
แพ้ อังกฤษ 0-1 (เยือน)
เสมอ สโลวะเกีย 0-0 (เหย้า)
ชนะ มาซิโดเนียเหนือ 3-1 (ยูโร 2020)
คาดว่ากุนซือ ฟรานโก้ โฟด้า จะปรับทัพบางตำแหน่งจากเกมนัดแรกที่ชนะ มาซิโดเนียเหนือ 3-1 เพื่อลุ้นคว้าชัยจะได้รอขึ้นแท่นรอผ่านเข้ารอบต่อไป และยังพร้อมให้พวกแข้งหลักลงสนามตามแผนการเล่นแบบ 3-5-2 เริ่มจากผู้รักษาประตูยังคงใช้ ดาเนี่ยล บัคมันน์ ยืนเฝ้าเสาเหมือนเดิม แนวรับอาจขยับ ดาวิด อลาบา ลงไปยืนร่วมกับ มาร์ติน ฮินเทเรกเกอร์ และ อเล็กซานดาร์ ดราโกวิช แดนกลางอาจจะถอย มาร์เซล ซาบิทเซอร์ ให้ลงมายืนเป็นตัวคุมเกมร่วมกับ คอนราด ไลเมอร์ และ ซาเวอร์ ชลาเกอร์ ส่วนฟูลแบ็กทั้งสองฝั่งจะใช้ สเตฟาน ไลเนอร์ กับ อันเดรียส อุลเมอร์ แนวรุกยังต้องรอเช็กสภาพความฟิตของ มาร์โก้ อาร์เนาโตวิช จึงน่าจะขยับ คริสตอฟ บอมการ์ทเนอร์ ขึ้นไปยืนเป็นกองหน้าคู่กับ ซาซ่า คาลาจ์ดซิช
รายชื่อ 11 ผู้เล่นตัวจริงที่คาดว่าจะลงสนาม
ผู้รักษาประตู : ดาเนี่ยล บัคมันน์
แนวรับ : ดาวิด อลาบา, มาร์ติน ฮินเทเรกเกอร์, อเล็กซานดาร์ ดราโกวิช
แดนกลาง : คอนราด ไลเมอร์, ซาเวอร์ ชลาเกอร์, มาร์เซล ซาบิทเซอร์, สเตฟาน ไลเนอร์, อันเดรียส อุลเมอร์
แนวรุก : คริสตอฟ บอมการ์ทเนอร์, ซาซ่า คาลาจ์ดซิช
วิเคราะห์ฟันธง

คู่นี้เคยพบกันในทุกรายการมาแล้วทั้งหมด 19 นัด ปรากฎว่า ฮอลแลนด์ มีสถิติเหนือกว่าอยู่พอสมควร โดยเป็นฝ่ายชนะ 9 เกม เสมอ 4 เกม และแพ้ 6 เกม ส่วนนัดล่าสุดเจอกันในเกมนัดกระชับมิตร เมื่อปี 2016 ปรากฎว่า ฮอลแลนด์ บุกไปชนะ 2-0 แน่นอนว่า ออสเตรีย กำลังอยู่ในช่วงคึกคักเลย หลังเก็บชัยจากการลงเล่นรอบสุดท้ายของศึกฟุตบอลยูโรได้เป็นนัดแรกในประวัติศาสตร์ ส่วน ฮอลแลนด์ ดูเหมือนว่าจะมีปัญหาเรื่องแนวรับที่เสียประตูง่ายกันไปหน่อย แต่ยังมีเกมรุกที่พอจะไว้วางใจได้ เพราะว่าพร้อมเดินหน้าสอยตาข่ายได้ทุกเมื่อเลย โดยเฉพาะ จอร์จินโญ่ ไวจ์นัลดุม ซึ่งมีทีเด็ดจากการยิงไกลในแถวสองได้อย่างแม่นยำ ดังนั้น ฮอลแลนด์ ซึ่งได้ลงเล่นต่อหน้ากองเชียร์ในถิ่นของตัวเอง เพราะเป็นหนึ่งในเจ้าภาพร่วมด้วยเช่นกัน จึงน่าจะอาศัยเรื่องศักยภาพของนักเตะที่ดูเหนือกว่าเบียดเอาชนะไปได้แบบหวุดหวิด
ผลที่คาด – ฮอลแลนด์ ชนะ ออสเตรีย 2-1

สวีเดน VS สโลวาเกีย
สนาม : เครสตอฟสกี้ สเตเดี้ยม, เมืองเซนต์ ปีเตอร์สเบิร์ก ประเทศรัสเซีย
เวลา : 20.00 น.
สวีเดน
ผลงาน 5 เกมหลังสุด
ชนะ โคโซโว 3-0 (เยือน)
ชนะ เอสโตเนีย 1-0 (เหย้า)
ชนะ ฟินแลนด์ 2-0 (เหย้า)
ชนะ อาร์เมเนีย 3-1 (เหย้า)
เสมอ สเปน 0-0 (ยูโร 2020)
คาดว่ากุนซือ แยนน์ อันเดอร์สสัน จะปรับทัพจากเกมประเดิมสนามที่เสมอ สเปน 0-0 เพื่อลุ้นเก็บชัยให้ได้เป็นนัดแรก และจะได้เพิ่มโอกาสลุ้นผ่านเข้ารอบในเกมนัดสุดท้ายกันต่อไป โดยพร้อมให้พวกแข้งหลักลงสนามตามแผนการเล่นแบบ 4-4-2 ไล่ตั้งแต่ผู้รักษาประตูจะให้ โรบิน โอลเซ่น ยืนเฝ้าเสาเหมือนเดิม แนวรับยังคงให้ วิคเตอร์ ลินเดเลิฟ ยืนคู่กับ มาร์คัส ดาเนียลสัน ส่วนแบ็กขวายังค้องรอเช็กสภาพความฟิตของ มิคาเอล ลุสติ้ง หากลงเล่นไม่ได้จะให้ เอมิล คราฟธ์ ลงไปยืนคนละฝั่งกับ ลุดวิก ออกุสตินส์สัน แดนกลางวาง เซบาสเตียน ลาร์สสัน คุมเกมคู่กับ คริสตอฟเฟอร์ โอลส์สัน ขณะที่ปีกทั้งสองข้างจะใช้ วิคเตอร์ คลาเอสสัน กับ เอมิล ฟอร์สเบิร์ก แนวรุกยังคงไร้ เดยัน คูลูเซฟสกี้ อยู่ในช่วงกักตัวโควิด-19 จึงน่าจะให้ มาร์คัส เบิร์ก ยืนเป็นกองหน้าคู่กับ อเล็กซานเดอร์ ไอซัค
รายชื่อ 11 ผู้เล่นตัวจริงที่คาดว่าจะลงสนาม
ผู้รักษาประตู : โรบิน โอลเซ่น
แนวรับ : วิคเตอร์ ลินเดเลิฟ, มาร์คัส ดาเนียลสัน, เอมิล คราฟธ์, ลุดวิก ออกุสตินส์สัน
แดนกลาง : เซบาสเตียน ลาร์สสัน, คริสตอฟเฟอร์ โอลส์สัน, วิคเตอร์ คลาเอสสัน, เอมิล ฟอร์สเบิร์ก
แนวรุก : มาร์คัส เบิร์ก, อเล็กซานเดอร์ ไอซัค
สโลวะเกีย
ผลงาน 5 เกมหลังสุด
เสมอ มอลตา 2-2 (เยือน)
ชนะ รัสเซีย 2-1 (เหย้า)
เสมอ บัลแกเรีย 1-1 (สนามเป็นกลาง)
เสมอ ออสเตรีย 0-0 (เยือน)
ชนะ โปแลนด์ 2-1 (ยูโร 2020)
คาดว่ากุนซือ สเตฟาน ทาร์โควิช จะปรับทัพจากเกมประเดิมสนามที่เฉือนชนะ โปแลนด์ 2-1 เพื่อลุ้นคว้าชัยเป็นนัดที่ 2 ติดต่อกัน และจะได้ขึ้นแท่นรอผ่านเข้ารอบกันต่อไป โดยยังใช้งานพวกตัวหลักได้ทั้งหมดตามแผนการเล่นแบบ 4-5-1 เริ่มจากผู้รักษาประตูจะให้ มาร์ติน ดูบราฟก้า ยืนเฝ้าเสาเหมือนเดิม แนวรับยังคงใช้ ลูโบเมียร์ ซัตก้า ยืนคู่กับ มิลาน สคริเนียร์ กองหลังตัวเก่งที่เติมเกมขึ้นมายิงประตูชัยจากนัดแรก ส่วนฟูลแบ็กทั้งสองฝั่งยังคงใช้ ปีเตอร์ เปการิค กับ โทมัส ฮูโบคาน แดนกลางวาง พาทริค โฮซอฟสกี้ คุมเกมร่วมกับ ยูราจ์ คูชก้า และให้ มาเร็ค ฮัมซิก เป็นตัวปั้นเกม ขณะที่ โรเบิร์ต มัค จะยืนเป็นปีกขวาคนละด้านกับ ลูคัส ฮาราสลิน ส่วนกองหน้าจะให้ อองเดร์จ ดูด้า ยืนค้ำเอาไว้เพียงคนเดียว
รายชื่อ 11 ผู้เล่นตัวจริงที่คาดว่าจะลงสนาม
ผู้รักษาประตู : มาร์ติน ดูบราฟก้า
แนวรับ : ลูโบเมียร์ ซัตก้า, มิลาน สคริเนียร์, ปีเตอร์ เปการิค, โทมัส ฮูโบคาน
แดนกลาง : พาทริค โฮซอฟสกี้, ยูราจ์ คูชก้า, มาเร็ค ฮัมซิก, โรเบิร์ต มัค, ลูคัส ฮาราสลิน
แนวรุก : อองเดร์จ ดูด้า
วิเคราะห์ฟันธง

คู่นี้เคยพบกันในทุกรายการมาแล้วทั้งหมด 5 นัด ปรากฎว่า สวีเดน พกสถิติข่มแบบมิดด้าม เพราะไม่เคยแพ้แม้แต่นัดเดียว โดยเป็นฝ่ายชนะ 2 เกม และเสมอ 3 เกม ส่วนนัดล่าสุดเจอกันในเกมนัดกระชับมิตร เมื่อปี 2018 ปรากฎว่า สโลวะเกีย บุกไปเสมอ 1-1 ถ้าดูฟอร์มจากเกมนัดประเดิมสนามจะเห็นว่า สวีเดน มีแนวรับที่เหนียวหนึบมาก ส่วนแนวรุกมีกองหน้าตัวสูงใหญ่อย่าง อเล็กซานเดอร์ ไอซัค ซึ่งพร้อมใช้ความสามารถเฉพาะตัวเพื่อพาบอลลุยเข้ายิงเองได้เลย ขณะที่ สโลวะเกีย มีจุดแข็งอยู่ที่ทีมเวิร์ก และมี มาเร็ค ฮัมซิก คอยทำหน้าที่เป็นตัวเก็บบอลในแดนกลาง จึงมีจังหวะการเข้าทำที่พร้อมฉกฉวยโอกาสจากความผิดพลาดของทีมคู่แข่งได้ตลอด ดังนั้น สวีเดน น่าจะมีโอกาสลุ้นเก็บชัยเอาไว้ได้
ผลที่คาด – สวีเดน ชนะ สโลวะเกีย 2-1

โครเอเชีย VS สาธารณรัฐเช็ก
สนาม : แฮมป์เดน ปาร์ค, เมืองกลาสโกว์ ประเทศสกอตแลนด์
เวลา : 23.00 น.
โครเอเชีย
ผลงาน 5 เกมหลังสุด
ชนะ ไซปรัส 1-0 (เหย้า)
ชนะ มอลตา 3-0 (เหย้า)
เสมอ อาร์เมเนีย 1-1 (เหย้า)
แพ้ เบลเยี่ยม 0-1 (เยือน)
แพ้ อังกฤษ 0-1 (ยูโร 2020)
คาาดว่ากุนซือ ซลัทโก้ ดาลิช จะปรับทัพจากเกมประเดิมสนามที่แพ้ อังกฤษ 0-1 เพื่อหวังคว้าชัยต่อยอดไปสู่การลุ้นผ่านเข้ารอบในนัดสุดท้าย โดยพร้อมให้พวกแข้งเก๋าจากทีมชุดรองแชมป์ฟุตบอลโลก 2018 ออกสตาร์ทเป็นตัวจริงตามแผนการเล่นแบบ 4-2-3-1 ไล่ตั้งแต่ผู้รักษาประตูจะให้ โดมินิก ลิวาโควิช ยืนเฝ้าเสา แนวรับยังคงใช้ โดมากอย วิด้า ยืนคู่กับ ดูเย่ คาเลต้า-คาร์ ส่วนฟูลแบ็กทั้งสองฝั่งจะใช้ ซิเม่ เวอร์ซัลโก้ กับ บอร์น่า บาริซิช แดนกลางวาง ลูก้า โมดริช คุมเกมคู่กับ มาร์เซโล่ โบรโซวิช และให้ นิโคล่า วลาซิช สวมบทเป็นตัวปั้นเกม แนวรุกจะใช้ อันเต้ เรบิช กับ อีวาน เปริซิช เป็นตัวริมเส้นทั้งสองข้างเพื่อประสานงานกับ อังเดร ครามาริช ซึ่งน่าจะได้ยืนเป็นกองหน้าตัวเป้า
รายชื่อ 11 ผู้เล่นตัวจริงที่คาดว่าจะลงสนาม
ผู้รักษาประตู : โดมินิก ลิวาโควิช
แนวรับ : โดมากอย วิด้า, ดูเย่ คาเลต้า-คาร์, ซิเม่ เวอร์ซัลโก้, บอร์น่า บาริซิช
แดนกลาง : ลูก้า โมดริช, มาร์เซโล่ โบรโซวิช, นิโคล่า วลาซิช
แนวรุก : อันเต้ เรบิช, อีวาน เปริซิช, อังเดร ครามาริช
สาธารณรัฐเช็ก
ผลงาน 5 เกมหลังสุด
เสมอ เบลเยี่ยม 1-1 (เหย้า)
แพ้ เวลส์ 0-1 (เยือน)
แพ้ อิตาลี 0-4 (เยือน)
ชนะ แอลเบเนีย 3-1 (เหย้า)
ชนะ สกอตแลนด์ 2-0 (ยูโร 2020)
คาดว่ากุนซือ ยาโรสลาฟ ซิลฮาวี่ จะปรับทัพจากเกมประเดิมสนามที่ชน สกอตแลนด์ 2-0 เพื่อลุ้นเก็บชัยเป็นนัดที่ 2 ติดต่อกัน และจะได้ขึ้นแท่นรอผ่านเข้ารอบไปเลย โดยพร้อมใช้งานพวกแข้งหลักตามแผนการเล่นแบบ 4-2-3-1 เริ่มจากผู้รักษาประตูจะให้ โทมัส วาคลิก ยืนเฝ้าเสาต่อไป แนวรับยังคงมี โทมัส คาลาส กับ อองเดร์จ เซลุสต์ก้า ยืนคู่กัน ส่วนฟูลแบ็กจะใช้ แยน โบริล กับ วลาดิเมียร์ คูฟาล แดนกลางวาง โทมัส ซูเซ็ก ยืนคุมเกมคู่กับ อเล็กซ์ คราล และให้ วลาดิเมียร์ ดาริด้า เป็นตัวเชื่อมเกม แนวรุกเป็นจะหน้าที่ของ ยาคุบ ยังค์โต้ กับ ลูคัส มาโซปุสต์ สวมบทเป็นปีกริมเส้นทั้งสองด้านเพื่อประสานงานกับ พาทริค ชิก กองหน้าตัวเก่งที่เพิ่งจัดการซัดเบิ้ลเหมา 2 ประตูพร้อมกับคว้ารางวัลนักเตะยอดเยี่ยมจากเกมนัดก่อนได้ด้วย
รายชื่อ 11 ผู้เล่นตัวจริงที่คาดว่าจะลงสนาม
ผู้รักษาประตู : โทมัส วาคลิก
แนวรับ : โทมัส คาลาส, อองเดร์จ เซลุสต์ก้า, แยน โบริล, วลาดิเมียร์ คูฟาล
แดนกลาง : โทมัส ซูเซ็ก, อเล็กซ์ คราล,วลาดิเมียร์ ดาริด้า
แนวรุก : ยาคุบ ยังค์โต้, ลูคัส มาโซปุสต์, พาทริค ชิก
วิเคราะห์ฟันธง

คู่นี้เคยพบกันในทุกรายการมาแล้วทั้งหมด 3 นัด ปรากฎว่า โครเอเชีย มีสถิติเหนือกว่าเล็กน้อย โดยเป็นฝ่ายชนะ 1 เกม เสมอ 2 เกม และไม่เคยแพ้เลย ส่วนนัดล่าสุดเจอกันในศึกยูโร 2016 รอบสุดท้าย เมื่อปี 2016 ปรากฎว่า เสมอ 2-2 นอกจากนี้ยังเคยเจอกันในรอบแบ่งกลุ่มยูโร 2016 เมื่อ 5 ปีก่อนด้วย ปรากฎว่า ลงเอยด้วยผลเสมอ 2-2 ดูเหมือนว่า โครเอเชีย จะคลายพิษสงจากทีมชุดรองแชมป์ฟุตบอลโลก 2018 ไปเยอะเลย หากดูจากผลงานในเกมประเดิมสนาม ซึ่งอาจเป็นเพราะว่านักเตะตัวหลักหลายๆ คนมีอายุเพิ่มมากขึ้นเยอะเลย ส่วน สาธารณรัฐเช็ก ทำผลงานในนัดแรกได้ดีเกินคาด ถ้าเทียบฟอร์มการเล่นในช่วงก่อนเริ่มทัวร์นาเมนต์ที่เก็บชัยชนะจากแต่ละเกมได้แบบยากเย็นเหลือเกิน โดย พาทริค ชิก พร้อมเป็นตัวทีเด็ดจากการยิงประตูได้ทุกจังหวะเลย แม้แต่การสับไกจากระยะครึ่งสนามเข้าไปตุงตาข่ายก็ทำให้เห็นมาแล้วด้วย ดังนั้น สาธารณรัฐเช็ก น่าจะมีโอกาสคว้าชัยได้มากกว่า
ผลที่คาด – โครเอเชีย แพ้ สาธารณรัฐเช็ก 1-2