วิเคราะห์ฟุตบอลยูโร 2020 ประจำวันอาทิตย์ที่ 20 มิ.ย. 2021

ศึกฟุตบอลยูโร 2020 รอบแบ่งกลุ่ม ประจำวันอาทิตย์ที่ 20 มิ.ย.นี้ มีโปรแกรมการแข่งขันทั้งหมด 3 คู่

บอลยูโร 2020 สเปน vs โปแลนด์

สเปน VS โปแลนด์

สนาม : เอสตาดิโอ ลา คาร์ตูฆา, เมืองเซบีญ่า ประเทศสเปน

เวลา : 02.00 น.

สเปน

ผลงาน 5 เกมหลังสุด

ชนะ จอร์เจีย 2-1 (เยือน)

ชนะ โคโซโว 3-1 (เหย้า)

เสมอ โปรตุเกส 0-0 (เหย้า)

ชนะ ลิทัวเนีย 4-0 (เหย้า)

เสมอ สวีเดน 0-0 (ยูโร 2020)

คาดว่ากุนซือ หลุยส์ เอ็นริเก้ จะปรับทัพจากนัดแรกที่เสมอ สวีเดน 0-0 เพื่อลุ้นคว้าชัยต่อยอดไปสู่การแย่งชิงตั๋วผ่านเข้ารอบ โดยจะใช้แผนการเล่นแบบ 4-3-3 เหมือนเช่นเคย เริ่มจากผู้รักษาประตูยังคงให้ อูไน ซิมอน ยืนเฝ้าเสาต่อไป แนวรับยังคงให้ เปา ตอร์เรส ยืนคู่กับ อายเมริก ลาปอร์ก ส่วนฟูลแบ็กทั้งสองฝั่งจะใช้ ฆอร์ดี้ อัลบา กับ มาร์กอส ยอเรนเต้ แดนกลางยังคงไร้ เซร์คิโอ บุสเกตส์ กักตัวโควิด-19 จึงน่าจะให้ โกเก้ คุมเกมร่วมกับ โรดริโก้ และ ติอาโก้ อัลคานทาร่า แนวรุกส่อเปลี่ยนกองหน้าตัวเป้าด้วยการดร็อป อัลบาโร่ โมราต้า ซึ่งพลาดโอกาสสอยตาข่ายจากเกมประเดิมสนามในหลายจังหวะ เพื่อให้ เกรารด์ โมเรโน่ ลงไปยืนค่ำแดนหน้าคอยประสานงานกับ เฟร์ราน ตอร์เรส และ ดานี่ โอลโม่     

รายชื่อ 11 นักเตะตัวจริงที่คาดว่าจะลงสนาม

ผู้รักษาประตู : อูไน ซิมง

แนวรับ : อายเมริก ลาปอร์ก, เปา ตอร์เรส, มาร์กอส ยอเรนเต้, ฆอร์ดี้ อัลบา

แดนกลาง : ติอาโก้ อัลคานทาร่า, โรดริโก้, โกเก้

แนวรุก : ดานี่ โอลโม่, เฟร์ราน ตอร์เรส, เกราร์ด โมเรโน่ 

โปแลนด์

ผลงาน 5 เกมหลังสุด

ชนะ อันดอร์ร่า 3-0 (เหย้า)

แพ้ อังกฤษ 1-2 (เยือน)

เสมอ รัสเซีย 1-1 (เหย้า)

เสมอ ไอซ์แลนด์ 2-2 (เหย้า)

แพ้ สโลวะเกีย 1-2 (ยูโร 2020)

คาดว่ากุนซือ เปาโล ซูซ่า จะปรับทัพจากเกมนัดแรกที่แพ้ สโลวะเกีย 1-2 เพื่อลุ้นเก็บชัยรักษาโอกาสผ่านเข้ารอบในนัดสุดท้าย และจำเป็นต้องมีคะแนนติดมือจากนัดนี้ด้วย หากไม่อยากตกรอบก่อนเวลาอันควร โดยจะปรับแผนการเล่นเป็น 3-5-2 เริ่มจากผู้รักษาประตูยังคงให้ วอจเชียค เชสนี่ ยืนเฝ้าเสา แนวรับจะให้ แยน เบดนาเร็ค ยืนร่วมกับ บาร์ตอสซ์ เบเรสซินสกี้ และ คามิล กลิค แดนกลางหมดสิทธิ์ใช้งาน เกรเซกอร์ซ ครีโชเวียค ติดโทษแบนจากการโดนใบแดงไล่ออกในเกมประเดิมสนาม จึงน่าจะให้ คาโรล ลิเน็ตตี้ ลงไปคุมเกมคู่กับ มาเตอุสซ์ คลิช และให้ ปิโอเตอร์ เซลินสกี้ เป็นตัวเชื่อมเกมระหว่างแผงมิดฟิลด์ ส่วนฟูลแบ็กทั้งสองฝั่งจะใช้ คามิล จอซเวียค กับ มาเซียจ รีบาส แนวรุกอาจให้ คาโรล สวีเดอร์กี้ ลงไปยืนเป็นกองหน้าคู่กับ โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ ดาวยิงกัปตันทีมตัวเก่ง    

รายชื่อ 11 นักเตะตัวจริงที่คาดว่าจะลงสนาม

ผู้รักษาประตู : วอจเชียค เชสนี่

แนวรับ : คามิล กลิค, แยน เบดนาเร็ค, บาร์ตอสซ์ เบเรสซินสกี้

แดนกลาง : คาโรล ลิเน็ตตี้, มาเตอุสซ์ คลิช, ปิโอเตอร์ เซลินสกี้, คามิล จอซเวียค, มาเซียจ รีบาส

แนวรุก : โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้, คาโรล สวีเดอร์กี้

วิเคราะห์ฟันธง

วิเคราะห์ฟันธง สเปน vs โปแลนด์

คู่นี้เคยพบกันในทุกรายการมาแล้วทั้งหมด 10 นัด ปรากฎว่า สเปน มีสถิติข่มแบบมิดด้ามไปเลย เพราะเป็นฝ่ายชนะได้ถึง 8 เกม เสมอ 1 เกม และแพ้เพียงแค่ 1 เกมเท่านั้น ส่วนนัดล่าสุดเจอกันในนัดกระชับมิตร ปรากฎว่า สเปน เป็นฝ่ายชนะแบบขาดลอยถึง 6-0 แม้ว่าเกมประเดิมสนามจะทำได้เพียงแค่ผลเสมอ แต่ถ้าดูจากรูปเกมจะเห็นว่า สเปน เป็นฝ่ายครองบอลได้เกือบทั้งหมดเลย และมีโอกาสลุ้นยิงประตูเพียบเลยด้วย แต่มีปัญหาเรื่องจบสกอร์ในจังหวะสุดท้ายที่ขาดเฉียบคมกันเอง ซึ่งเตรียมปรับแนวรุกเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการเจาะตาข่ายคู่แข่งอย่างแน่นอน ส่วน โปแลนด์ มีดีที่ทีมเวิร์กก็จริง แต่แนวรุกยังคงพึ่งพา โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ ดาวยิงตัวเก่งที่ต้องรับหน้าที่แบกทีมเอาไว้เพียงคนเดียวเลย หากเกมไหนเล่นดีก็จะมีโอกาสคว้าชัยได้ไม่ยาก แต่ถ้าเล่นไม่ออกก็เตรียมแพ้ได้เลย ดังนั้น สเปน มีรูปแบบการเล่นที่หลากหลายมากกว่า จึงน่าจะเก็บชัยชนะได้สำเร็จ

ผลที่คาด – สเปน ชนะ โปแลนด์ 2-1

บอลยูโร 2020 อิตาลี vs เวลส์

อิตาลี VS เวลส์

สนาม : สตาดิโอ โอลิมปิโก้, กรุงโรม ประเทศอิตาลี

เวลา : 23.00 น.

อิตาลี

ผลงาน 5 นัดหลังสุด

ชนะ บัลแกเรีย 2-0 (เยือน)

ชนะ ลิทัวเนีย 2-0 (เยือน)

ชนะ ซาน มาริโน 7-0 (เหย้า)

ชนะ ตุรกี 3-0 (ยูโร 2020)

ชนะ สวิตเซอร์แลนด์ 3-0 (ยูโร 2020)

คาดว่ากุนซือ โรแบร์โต้ มันชินี่ จะปรับทัพจากเกมนัดก่อนที่ไล่ต้อน สวิตเซอร์แลนด์ 3-0 แม้จะผ่านเข้ารอบไปแล้วจากการคว้าชัย 2 นัดรวด มี 6 คะแนนเต็ม แต่ยังพร้อมจัดผู้เล่นชุดใหญ่ลงสนาม เพราะหวังยึดแชมป์กลุ่มนี้ไปเลยนั่นเอง โดยอย่างน้อยขอเพียงแค่ผลเสมอเท่านั้น แต่ถ้าแพ้จะหล่นไปเป็นอันดับ 2 ในฐานะรองแชมป์กลุ่มทันที จึงไม่น่าจะพักแข้งหลักเพื่อให้พวกตัวสำรองลงสนาม และพร้อมใช้แผนการเล่นแบบ 4-3-3 เหมือนเดิม เริ่มจากผู้รักษาประตูยังคงใช้ จานลุยจิ ดอนนารุมม่า ยืนเฝ้าเสาต่อไป แนวรับหมดสิทธิ์ใช้งาน จอร์โจ้ คิเอลลินี่ เจอโรคเดี้ยงเล่นงานจากนัดที่แล้ว แต่น่าจะให้ ฟรานเชสโก้ อาแซร์บี้ ลงไปยืนคู่กับ เลโอนาร์โด้ โบนุชชี่ ส่วนแบ็กขวายังคงไร้ อเล็กซานโดร ฟลอเรนซี่ ได้รับบาดเจ็บ จึงน่าจะให้ โจวานนี่ ดิ ลอเรนโซ่ ยืนคนละฝั่งกับ เลโอนาร์โด้ สปินาซโซล่า แดนกลางยังคงใช้ 3 ประสาน มานูเอล โลคาเตลลี่, จอร์จินโญ่ และ นิโกโล่ บาเรลล่า แนวรุกพร้อมจัดเต็มให้ โดเมนิโก้ เบราร์ดี้ ยืนเป็นตัวริมเส้นฝั่งขวาคนละด้านกับ ลอเรนโซ อินซิเญ่ และวาง ชิโร่ อิมโมบิเล่ เป็นกองหน้าตัวเป้าเหมือนเช่นเคย    

รายชื่อ 11 ผู้เล่นตัวจริงที่คาดว่าจะลงสนาม

ผู้รักษาประตู : จานลุยจิ ดอนนารุมม่า

แนวรับ : ฟรานเชสโก้ อาแซร์บี้, เลโอนาร์โด้ โบนุชชี่, อเล็กซานโดร ฟลอเรนซี่, โจวานนี่ ดิ ลอเรนโซ่

แดนกลาง : มานูเอล โลคาเตลลี่, จอร์จินโญ่, นิโกโล่ บาเรลล่า

แนวรุก : โดเมนิโก้ เบราร์ดี้, ลอเรนโซ อินซิเญ่, ชิโร่ อิมโมบิเล่

เวลส์

ชนะ สาธารณรัฐเช็ก 1-0 (เหย้า)

แพ้ ฝรั่งเศส 0-3 (เยือน)

เสมอ แอลเบเนีย 0-0 (เหย้า)

เสมอ สวิตเซอร์แลนด์ 1-1 (ยูโร 2020)

ชนะ ตุรกี 2-0 (ยูโร 2020)

คาดว่ากุนซือ โรเบิร์ต เพจ จะปรับทัพจากนัดก่อนที่ชนะ ตุรกี 2-0 แม้จะได้ขึ้นแท่นรอผ่านเข้ารอบ 16 ทีมสุดท้าย เพราะตอนนี้รั้งอันดับ 2 มี 4 แต้ม ตามหลัง อิตาลี ทีมจ่าฝูงอยู่ 2 คะแนน จึงหวังเก็บชัยเพื่อแซงเข้าป้ายแชมป์กลุ่มนี้ไปเลย แต่ถ้าแพ้ยังมีโอกาสเข้ารอบในฐนะรองแชมป์กลุ่ม หรือทีมอันดับ 3 ที่ดีที่สุด ซึ่งต้องรอดูผลคู่ของ สวิตเซอร์แลนด์ กับ ตุรกี ด้วยเช่นกัน โดยพร้อมจัดทัพใหญ่ลงสนามตามแผนการเล่นแบบ 4-2-3-1 ไล่ตั้งแต่ผู้รักษาประตูยังคงเป็นหน้าที่ของ แดนนี่ วอร์ด แนวรับจะให้ โจ โรดอน ยืนคู่กับ คริส เมปแฮม ส่วนฟูลแบ็กทั้งสองฝั่งจะใช้ คอนนอร์ โรเบิร์ตส กับ เบน เดวิส แดนกลางพร้อมให้ โจ มอร์เรลล์ ลงไปคุมเกมคู่กับ โจ อัลเลน ส่วนแนวรุกวาง อารอน แรมซีย์ สวมบทเป็นจอมทัพคอยเชื่อมเกมระหว่างแผงมิดฟิลด์ และให้ ดาเนี่ยล เจมส์ ยืนเป็นปีกซ้ายคนละฝั่งกับ แกเรธ เบล เพื่อคอยป้อนบอลให้กับ คีฟเฟอร์ มัวร์ กองหน้าตัวเป้า  

รายชื่อ 11 ผู้เล่นตัวจริงที่คาดว่าจะลงสนาม

ผู้รักษาประตู : แดนนี่ วอร์ด

แนวรับ : โจ โรดอน, คริส เมปแฮม, เบน เดวิส, คอนนอร์ โรเบิร์ตส

แดนกลาง : โจ มอร์เรลล์, โจ อัลเลน, อารอน แรมซีย์

แนวรุก : คีฟเฟอร์ มัวร์,ดาเนี่ยล เจมส์, แกเรธ เบล

วิเคราะห์ฟันธง

วิเคราะห์ฟันธง อิตาลี vs เวลส์

คู่นี้เคยพบกันในทุกรายการมาแล้วทั้งหมด 9 นัด ปรากฎว่า อิตาลี พกสถิติข่มเกือบมิด โดยเป็นฝ่ายชนะ 7 เกม และแพ้เพียง 2 เกม ส่วนนัดล่าสุดเจอกันในศึกยูโร 2004 รอบคัดเลือก เมื่อปี 2003 ปรากฎว่า อิตาลี เปิดบ้านไล่ถล่ม 4-0 แม้ว่าเกมรุกของ เวลส์ จะดูวูบวามดีเหลือเกิน โดยเฉพาะ ดาเนี่ยล เจมส์ กับ แกเรธ เบล ซึ่งเป็น 2 ปีกตัวริมเส้นความเร็วสูงที่พร้อมพาบอลลุยไปข้างหน้าได้ทุกเมื่อเลย ทว่า อิตาลี มีเกมรับที่แข็งแกร่งมากๆ เพราะยังไม่เสียประตูแม้แต่ลูกเดียว และมีตัวทีเด็ดอย่าง มานูเอล โลคาเตลลี่ ที่พร้อมเติมเกมจากแผงมิดฟิลด์ขึ้นไปสอยตาข่ายจากแถวสองได้ด้วย ส่วนแดนหน้ายังคงมี ชิโร่ อิมโมบิเล่ เป็นตัวจบสกอร์ได้แบบเฉียบขาดอยู่แล้ว ดังนั้น เวลส์ น่าจะเตรียมมาเล่นแบบรอจังหวะสวนกลับเร็ว แต่ อิตาลี เป็นทีมที่เล่นบอลแบบเท้าสู่เท้าได้อย่างแม่นยำ แถมยังได้ลงเตะต่อหน้าแฟนบอลในสนามบนดินแดนของตัวเองอีกด้วย จึงได้เปรียบในเรื่องเสียงเชียร์ไปแบบเต็มๆ และน่าจะเป็นฝ่ายคว้าชัยได้สำเร็จ

ผลที่คาด – อิตาลี ชนะ เวลส์ 2-0  

บอลยูโร 2020 สวิตเซอร์แลนด์ vs ตุรกี

สวิตเซอร์แลนด์ VS ตุรกี

สนาม : โอลิมปิก สเตเดี้ยม, กรุงบากู ประเทศอาเซอร์ไบจาน

เวลา : 23.00 น.

สวิตเซอร์แลนด์

ผลงาน 5 นัดหลังสุด

ชนะ ฟินแลนด์ 3-2 (เหย้า)

ชนะ สหรัฐอเมริกา 3-2 (เหย้า) 

ชนะ ลิกเท่นสไตน์ 7-0 (เหย้า)

เสมอ เวลส์ 1-1 (ยูโร 2020)

แพ้ อิตาลี 0-3 (ยูโร 2020)

คาดว่ากุนซือ วลาดิเมียร์ เพ็ตโควิช จะปรับทัพจากเกมนัดก่อนที่แพ้ อิตาลี 0-3 เพื่อลุ้นคว้าชัยต่อโอกาสผ่านเข้ารอบ เพราะตอนนี้มีหนึ่งคะแนนจากการลงเตะไปแล้ว 2 เกม จึงยังมีสิทธิ์ลอยลำในฐานะทีมอันดับ 3 ที่ดีที่สุด และน่าจะยึดแผนการเล่นแบบ 3-4-1-2 เหมือนเดิม โดยพวกแข้งหลักยังพร้อมออกสตาร์ทเป็นตัวจริงทั้งหมด ไล่ตั้งแต่ผู้รักษาประตูจะให้ ยานน์ ซอมเมอร์ สวมบทเป็นมือหนึ่งต่อไป แนวรับยังคงใช้ นิโก้ เอลเวดี้ ยืนร่วมกับ มานูเอล อคานญี่ และ ฟาเบียน ชาร์ แดนกลางไม่น่าจะให้ เดนิส ซากาเรีย ลงเล่นเป็นตัวจริง เพราะดูเหมือนว่า เรโม ฟรอยเลอร์ จะยืนคุมเกมคู่กับ กรานิท ชาก้า ได้แบบลงตัวดีแล้ว ส่วนฟูลแบ็กทั้งสองฝั่งจะใช้ ริคาร์โด้ โรดริเกซ กับ เควิน เอมบาบู แนวรุกยังคงใช้ เซอร์ดาน ชากิรี่ สวมบทเป็นจอมทัพในตำแหน่งเพลย์เมกเกอร์ แต่อาจจะดร็อป ฮาริส เซเฟโรวิช เพื่อให้ มาริโอ กาฟราโนวิช ลงไปยืนเป็นกองหน้าคู่กับ บรีล เอ็มโบโล่    

รายชื่อ 11 ผู้เล่นตัวจริงที่คาดว่าจะลงสนาม

ผู้รักษาประตู : ยานน์ ซอมเมอร์

แนวรับ : นิโก้ เอลเวดี้, มานูเอล อคานญี่, ฟาเบียน ชาร์

แดนกลาง : เรโม ฟรอยเลอร์, กรานิท ชาก้า, เควิน เอมบาบู, ริคาร์โด้ โรดริเกซ

แนวรุก : เซอร์ดาน ชากิรี่, มาริโอ กาฟราโนวิช, บรีล เอ็มโบโล่

ตุรกี

ชนะ อาเซอร์ไบจาน 2-1 (เหย้า)

เสมอ กินี 0-0 (เหย้า)

ชนะ มอลโดวา 2-0 (สนามเป็นกลาง)

แพ้ อิตาลี 0-3 (ยูโร 2020)

แพ้ เวลส์ 0-2 (ยูโร2020)

คาดว่ากุนซือ เซนอล กูเนส จะปรับทัพจากเกมนัดก่อนที่แพ้ เวลส์ 0-2 เพื่อลุ้นคว้าชัยรักษาโอกาสผ่านเข้ารอบ 16 ทีมสุดท้ายที่ยังพอมีโอกาสเหลืออยู่เพียงน้อยนิด เพราะในทางทฤษฎีถือว่ายังไม่ตกรอบแบบ 100% แม้ตอนนี้จะยังไม่มีคะแนนจากการแพ้ 2 นัดรวด แต่ยังพอจะมีสิทธิ์ลอยลำในฐานะทีมอันดับ 3 ที่ดีที่สุด ซึ่งจะวัดจากผลงานของทีมอันดับ 3 ทั้ง 6 กลุ่ม และจะคัดเอา 4 ทีมอันดับ 3 ที่มีสถิติดีที่สุดผ่านเข้ารอบไปด้วยเลย แต่ ตุรกี อยู่ในสถานการณ์ที่เสียเปรียบแบบสุดๆ เพราะมีผลต่างประตูได้เสียติดลบอยู่57′ 5 ลูกจากการโดนสอยตาข่ายไปแล้วถึง 5 เม็ด และยิงประตูไม่ได้แม้แต่ลูกเดียว จึงน่าจะให้พวกแข้งหลักลงสนามตามแผนการเล่นแบบ 4-5-1 ไปเลย ไล่ตั้งแต่ผู้รักษาประตูจะให้ อูกูร์คาน ชาเคียร์ ยืนเฝ้าเสาต่อไป แนวรับยังคงใช้ ชักลาร์ โชยุนคู ยืนคู่กับ เมริห์ เดมิรัล ส่วนฟูลแบ็กทั้งสองฝั่งเป็นหน้าที่ของ อูมุต เมราส กับ เมห์เม็ต เชลิค แดนกลางน่าจะให้ คาน อายฮาน ลงไปคุมเกมร่วมกับ อิร์ฟาน คาห์เวซี่ และ โอเคย์ โยคุสลู สำหรับตัวริมเส้นยังคงใช้ ฮาคาน ชัลฮาโนกลู ยืนทางฝั่งซ้ายคนละด้านกับ เซนกิซ อุนแดร์ ส่วนแนวรุกเป็นหน้าที่ของ บูรัค ยิลมาซ กองหน้าตัวเป้าจอมเก๋า  

รายชื่อ 11 ผู้เล่นตัวจริงที่คาดว่าจะลงสนาม

ผู้รักษาประตู : อูกูร์คาน ชาเคียร์

แนวรับ : ชักลาร์ โชยุนคู, เมริห์ เดมิรัล, อูมุต เมราส, เมห์เม็ต เชลิค

แดนกลาง : โอซาน ตูฟาน, โอเคย์ โยคุสลู, อิร์ฟาน คาห์เวซี่, ฮาคาน ชัลฮาโนกลู, เซนกิซ อุนแดร์

แนวรุก : บูรัค ยิลมาซ

วิเคราะห์ฟันธง

วิเคราะห์ฟันธง สวิตเซอร์แลนด์ vs ตุรกี

คู่นี้เคยพบกันในทุกรายการมาแล้วทั้งหมด 15 นัด ปรากฎว่า ตุรกี มีสถิติเหนือกว่า โดยเป็นฝ่ายชนะ 8 เกม เสมอ 3 เกม และแพ้ 4 เกม ส่วนนัดล่าสุดเจอกันในศึกยูโร 2008 รอบแบ่งกลุ่ม เมื่อปี 2008 ปรากฎว่า สวิตเซอร์แลนด์ เป็นฝ่ายแพ้ 1-2 แม้ว่าทางทฤษฎีจะยังพอมีโอกาสลุ้นผ่านเข้ารอบ ส่วนในทางปฏิบัติต้องถือว่า ตุรกี เตรียมตกรอบได้เลย แต่ยังคงพร้อมเล่นเพื่อศักดิ์ศรีอย่างแน่นอน ขณะที่ สวิตเซอร์แลนด์ ต้องชนะให้ได้สถานเดียว หากยังหวังเข้าสู่รอบ 16 ทีมสุดท้าย จึงพร้อมเล่นแบบทุ่มสุดตัวด้วยเช่นกัน ทว่า ตุรกี มีปัญหาเรื่องเกมรับอย่างเห็นได้ชัด และมีแนวรุกที่ไร้ศักยภาพ เพราะทิ้งให้ บูรัค ยิลมาซ กองหน้าจอมเก๋ายิงโดดเดี่ยวในแดนหน้ามากเกินไป ซึ่งตรงข้ามกับ สวิตเซอร์แลนด์ ที่ยังคงมีจุดแข็งเรื่องทีมเวิร์ก และเล่นเกมสวนกลับเร็วได้ดีพอสมควร ดังนั้น ตุรกี ไม่น่าจะมีโอกาสเก็บชัยได้ จึงอยู่ที่ว่า สวิตเซอร์แลนด์ จะทำได้เพียงแค่เสมอ หรือเป็นฝ่ายชนะได้ตามเป้า แต่เชื่อว่าสุดท้ายจะเบียดคว้าชัยได้แบบออกแรงเหนื่อยเลยทีเดียว

ผลที่คาด – สวิตเซอร์แลนด์ ชนะ ตุรกี 2-1 

ดูโปรแกรมฟุตบอลยูโร 2020

คอมเมนต์

Leave a Comment

ติดตามอีเมลล์ของเรา Med

กรอกอีเมลล์ และ รายละเอียดของคุณเพื่อติดตามรับข่าวสารจากเรา เพื่อให้คุณไม่พลาด โปรโมชั่นดีดี ไม่ว่าจะเป็น เครดิตฟรี โบนัสเงินฝาก โบนัสเงินคืน จากเว็บโดนๆ มากมาย