วิเคราะห์ฟุตบอลยูโร 2020 อิตาลี VS อังกฤษ รอบชิงชนะเลิศ

ศึกฟุตบอลยูโร 2020 คืนวันอาทิตย์ที่ 11 ก.ค.นี้ เดินทางมาถึงนัดสุดท้ายในรอบชิงชนะเลิศกันแล้ว ซึ่งจะมีโปรแกรมลงเตะเพียงหนึ่งคู่เท่านั้น โดย อิตาลี จะเผชิญหน้ากับ อังกฤษ ในเวลา 02.00 น. หรือช่วงตี 2 ตามเวลาประเทศไทย นอกจากนี้ทั้งสองชาติยังไม่พบกับความพ่ายแพ้จากการลงเล่นในทัวร์นาเมนต์นี้แม้แต่นัดเดียว แม้ว่า อิตาลี จะเคยคว้าแชมป์มาแล้วหนึ่งสมัย แต่ก็นานมาแล้วถึง 53 ปีเลยทีเดียว ส่วน อังกฤษ ยังไม่เคยได้สัมผัสถ้วยแชมป์รายการนี้มาก่อนเลย และได้ผ่านเข้าถึงนัดชิงเป็นครั้งแรกในหน้าประวัติศาสตร์เลยด้วย หลังจากที่เคยไปได้ไกลที่สุดเพียงรอบรองชนะเลิศมาแล้ว 2 ครั้ง จึงเป็นการวัดกันไปเลยว่าทีมไหนจะคู่ควรกับตำแหน่งเจ้ายุโรปมากกว่ากัน

สนาม : เวมบลีย์, กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ

เวลา : 02.00 น.

อิตาลี

เส้นทางสู่นัดชิงชนะเลิศ

ชนะ ตุรกี 3-0 (ยูโร 2020)

ชนะ สวิตเซอร์แลนด์ 3-0 (ยูโร 2020)

ชนะ เวลส์ 1-0 (ยูโร 2020)

ชนะต่อเวลา ออสเตรีย 2-1 (ยูโร 2020 รอบ 16 ทีมสุดท้าย หลังเสมอในช่วง 90 นาที 0-0)

ชนะ เบลเยี่ยม 2-1 (ยูโร 2020 รอบ 8 ทีมสุดท้าย)

ชนะดวลจุดโทษ สเปน 4-2 (ยูโร 2020 รอบรองชนะเลิศ หลังเสมอในช่วง 120 นาที 1-1)

คาดว่ากุนซือ โรแบร์โต้ มันชินี่ จะปรับทัพจากเกมรอบรองชนะเลิศที่เฉือนชนะ สเปน ในช่วงดวลจุดโทษตัดสิน หลังเสมอในช่วง 120 นาที 1-1 และยังคงไร้พ่าย 33 นัดติดต่อกันจากการลงเล่นในทุกรายการ จึงหมายมั่นปั้นมือหวังคว้าแชมป์ยุโรปเป็นสมัยที่ 2 ให้ได้เสียที หลังจากที่เคยสัมผัสแชมป์รายการนี้มาแล้วถึง 1 ครั้งในศึกยูโร 1968 เมื่อ 53 ปีก่อนโน้นเลย โดยหนนี้เป็นการผ่านเข้าถึงนัดชิงได้เป็นครั้งที่ 4 อีกด้วย จึงพร้อมจัดทัพใหญ่ลงสนามตามแผนการเล่นแบบ 4-3-3 เพราะไม่มีนักเตะได้รับบาดเจ็บเพิ่มเติม โดยผู้รักษาประตูยังคงเป็นหน้าที่ของ จานลุยจิ ดอนนารุมม่า ยืนเฝ้าเสาต่อไป แนวรับจะให้ จอร์โจ้ คิเอลลินี่ กับ เลโอนาร์โด้ โบนุชชี่ ยืนเป็น 2 กองหลังจอมเก๋าเหมือนเดิม ส่วนแบ็กซ้ายไร้เงาของ เลโอนาร์โด้ สปินาซโซล่า เจอโรคเดี้ยงเล่นงาน จึงน่าจะให้ เอแมร์ซอน พัลมิเอรี่ ลงไปยืนคนละด้านกับ โจวานนี่ ดิ ลอเรนโซ่ ซึ่งน่าจะได้ออกสตาร์ทเป็นตัวจริง เนื่องจาก อเล็กซานโดร ฟลอเรนซี่ มีปัญหาเรื่องสภาพความฟิต แดนกลางยังคงดร็อป มานูเอล โลคาเตลลี่ เพื่อให้ นิโกโล่ บาเรลล่า คุมเกมร่วมกับ มาร์โก แวร์รัตติ และ จอร์จินโญ่ แนวรุกไม่น่าจะใช้งาน โดเมนิโก้ เบราร์ดี้ จึงนั่งเป็นตัวสำรองเพื่อเปิดทางให้กับ เฟเดริโก้ เคียซ่า สวมบทเป็นปีกขวาคอยประสานงานกับ ลอเรนโซ่ อินซิเญ่ และ ชิโร่ อิมโมบิเล่ ซึ่งเป็น 2 ตัวหลักในแดนหน้าอยู่แล้ว      

รายชื่อ 11 ผู้เล่นตัวจริงที่คาดว่าจะลงสนาม

ผู้รักษาประตู : จานลุยจิ ดอนนารุมม่า

แนวรับ : จอร์โจ้ คิเอลลินี่, เลโอนาร์โด้ โบนุชชี่, เอแมร์ซอน พัลมิเอรี่, โจวานนี่ ดิ ลอเรนโซ่

แดนกลาง : จอร์จินโญ่, มาร์โก แวร์รัตติ, นิโกโล่ บาเรลล่า

แนวรุก : ชิโร่ อิมโมบิเล่, เฟเดริโก้ เคียซ่า, ลอเรนโซ่ อินซิเญ่

อังกฤษ

เส้นทางสู่นัดชิงชนะเลิศ

ชนะ โครเอเชีย 1-0 (ยูโร 2020)

เสมอ สกอตแลนด์ 0-0 (ยูโร 2020)

ชนะ สาธารณรัฐเช็ก 1-0 (ยูโร 2020)

ชนะ เยอรมนี 2-0 (ยูโร 2020 รอบ 16 ทีมสุดท้าย)

ชนะ ยูเครน 4-0 (ยูโร 2020 รอบ 8 ทีมสุดท้าย)

ชนะต่อเวลา เดนมาร์ก 2-1 (ยูโร 2020 รอบรองชนะเลิศ หลังเสมอในช่วง 90 นาที 1-1)

คาดว่ากุนซือ แกเรธ เซาธ์เกต จะปรับทัพจากเกมรอบรองชนะเลิศที่เฉือนชนะ เดนมาร์ก ในช่วงตอเวลาพิเศษ 2-1 หลังเสมอในช่วงเวลาปกติ 90 นาที 1-1 แม้จะเพิ่งเสียประตูเป็นลูกแรกในทัวร์นาเมนต์ แต่ยังได้ตบเท้าผ่านเข้าถึงรอบชิงชนะเลิศเป็นครั้งแรก หลังจากที่เคยไปได้ไกลที่สุดเพียงรอบรองชนะเลิศมาแล้ว 2 ครั้งในศึกยูโร 1968 และยูโร 1996 จึงพร้อมตามล่าแชมป์ยุโรปเป็นสมัยแรกให้ได้เสียที โดยพร้อมจัดทัพใหญ่ลงสนามตามแผนการเล่นแบบ 4-3-3 และใช้งานพวกแข้งหลักได้ทั้งหมดเลย ไล่ตั้งแต่ผู้รักษาประตูยังคงใช้บริการของ จอร์แดน พิคฟอร์ด สวมบทเป็นมือหนึ่งเหมือนเช่นเคย แนวรับยังคงให้ แฮร์รี่ แม็คไกวร์ ยืนคู่กับ จอห์น สโตนส์ ส่วนฟูลแบ็กทั้งสองฝั่งเป็นหน้าที่ของ ไคล์ วอล์คเกอร์ กับ ลุค ชอว์ จึงน่าจะให้ คีแรน ทริปเปียร์ นั่งเป็นตัวสำรองไปก่อน แดนกลางพร้อมให้ 2 คู่หู ดีแคลน ไรซ์ กับ คัลวิน ฟิลลิปส์ ยืนคุมเกมร่วมกันต่อไป แม้ว่า จอร์แดน เฮนเดอร์สัน จะทำหน้าที่ได้ดีอยู่เหมือนกันก็ตาม แนวรุกพร้อมให้ เมสัน เมาท์ สวมบทเป็นจอมทัพในฐานะตัวเชื่อมเกมจากแผงมิดฟิลด์ ขณะที่ปีกขวามีตัวให้เลือกใช้งานได้หลายคนเลย แต่น่าจะจับ ฟิล โฟเด้น, แจ็ค กรีลิช รวมถึง จาดอน ซานโซ่ นั่งอยู่ที่ข้างสนาม เพื่อให้ บูกาโย่ ซาก้า ลงไปยืนประจำการคนละฝั่งกับ ราฮีม สเตอร์ลิ่ง ส่วนกองหน้าไม่เปลี่ยนไปจาก แฮร์รี่ เคน อย่างแน่นอน

รายชื่อ 11 ผู้เล่นตัวจริงที่คาดว่าจะลงสนาม

ผู้รักษาประตู : จอร์แดน พิคฟอร์ด

แนวรับ : จอห์น สโตนส์, แฮร์รี่ แม็คไกวร์, ลุค ชอว์, ไคล์ วอล์กเกอร์

แดนกลาง : คัลวิน ฟิลลิปส์, เมสัน เมาท์, ดีแคลน ไรซ์

แนวรุก : ราฮีม สเตอร์ลิ่ง, แฮร์รี่ เคน, บูกาโย่ ซาก้า

ผลการพบกัน 5 เกมหลังสุด

อังกฤษ เสมอ อิตาลี 0-0 (อิตาลี ชนะดวลจุโทษตัดสิน) ในศึกยูโร 2012 รอบ 8 ทีมสุดท้าย เมื่อวันที่ 24 มิถุนายน 2012

อังกฤษ ชนะ อิตาลี 2-1 ในศึกฟุตบอลนัดกระชับมิตร เมื่อวันที่ 15 สิงหาคม 2012

อังกฤษ แพ้ อิตาลี 1-2 ในศึกฟุตบอลโลก 2014 รอบแบ่งกลุ่ม เมื่อวันที่ 14 มิถุนายน 2014

อิตาลี เสมอ อังกฤษ 1-1 ในศึกฟุตบอลนัดกระชับมิตร เมื่อวันที่ 31 มีนาคม 2015

อังกฤษ เสมอ อิตาลี 1-1 ในศึกฟุตบอลนัดกระชับมิตร เมื่อวันที่ 27 มีนาคม 2018

วิเคราะห์ฟันธง

วิเคราะห์ฟันธง อิตาลี VS อังกฤษ

คู่นี้เคยพบกันในทุกรายการมาแล้วทั้งหมด 27 นัด ปรากฎว่า อิตาลี มีสถิติเหนือกว่าเล็กน้อย โดยเป็นฝ่ายชนะ 11 เกม เสมอ 8 เกม และแพ้ 8 เกม ส่วนนัดล่าสุดเจอกันในเกมนัดกระชับมิตร ปรากฎว่า เสมอในบ้านของ อังกฤษ 1-1 นอกจากนี้ทั้งสองทีมยังเคยเผชิญหน้ากันในรอบสุดท้ายของศึกยูโรมาแล้ว 2 เกม ปรากฎว่า อิตาลี ไม่เคยแพ้ โดยเป็นฝ่ายชนะ 1-0 ในรอบแบ่งกลุ่มยูโร 1980 และชนะช่วงดวลจุดโทษตัดสินในศึกยูโร 2012 หลังจบช่วงต่อเวลาพิเศษครบ 120 นาที เสมอ 0-0 เกมนี้ถือได้ว่า อังกฤษ ครองความเป็นเจ้าบ้านไปเลย เพราะได้ลงเล่นบนแผ่นดินเกิดต่อหน้าแฟนบอลของตัวเองไปเลยด้วย และทำผลงานในช่วงตลอดทัวร์นาเมนต์นี้ได้แบบน่าประทับใจ แม้จะเสียประตูแรกไปแล้ว แต่มีแนวรุกที่ไว้ใจได้จากการสอยตาข่ายได้แบบเป็นกอบเป็นกำ โดยเฉพาะ ราฮีม สเตอร์ลิ่ง กับ แฮร์รี่ เคน ซึ่งเป็น 2 ตัวหลักในแดนหน้า จึงหมายมั่นปั้นมือหวังคว้าแชมป์เป็นครั้งแรกให้ได้ ส่วน อิตาลี ถือว่าแกร่งทั่วแผ่นจริงๆ และมีขุมกำลังนักเตะที่ลงตัวมากๆ รวมถึงพวกตัวสำรองที่พร้อมลงมาพลิกเกมได้ด้วย คาดว่าทั้งสองทีมพร้อมเล่นกันแบบรัดกุมเพื่อรอโอกาสจังหวะให้มีความผิดพลาดเกินไป แต่สุดท้าย อิตาลี น่าจะอาศัยความเก๋าเฉือนชนะความสดของ อังกฤษ และทะยานเข้าป้ายแชมป์ยูโร 2020 พร้อมกับครองบัลลังก์เจ้ายุโรปเป็นสมัยที่ 2 ได้สำเร็จ      

ผลที่คาด – อิตาลี เสมอ อังกฤษ 1-1 (อิตาลี ชนะช่วงต่อเวลาพิเศษ 2-1)

ตารางการแข่งขันฟุตบอลยูโร 2020 รวมตั้งแต่คู่แรก

คอมเมนต์

Leave a Comment

ติดตามอีเมลล์ของเรา Med

กรอกอีเมลล์ และ รายละเอียดของคุณเพื่อติดตามรับข่าวสารจากเรา เพื่อให้คุณไม่พลาด โปรโมชั่นดีดี ไม่ว่าจะเป็น เครดิตฟรี โบนัสเงินฝาก โบนัสเงินคืน จากเว็บโดนๆ มากมาย