ศึกฟุตบอลยูโร 2020 รอบแบ่งกลุ่ม ประจำวันจันทร์ที่ 21 มิ.ย.นี้ เดินทางมาถึงเกมนัดสุดท้ายของรอบนี้กันแล้ว ซึ่งมีโปรแกรมลงสนามทั้งหมด 4 คู่ เริ่มกันด้วย 2 คู่ในกลุ่ม ซี และ อีก 2 คู่ในกลุ่ม บี โดยสามารถติดตามบทวิเคราะห์ฟันธงกันได้ทุกวันจนถึงรอบชิงชนะเลิศในวันอาทิตย์ที่ 11 ก.ค.นี้กันได้เลย

มาซิโดเนียเหนือ VS ฮอลแลนด์
สนาม : โยฮัน ครัฟฟ์ อารีน่า, กรุงอัมสเตอร์ดัม ประเทศฮอลแลนด์
เวลา : 23.00 น.
มาซิโดเนียเหนือ
ผลงาน 5 เกมหลังสุด
ชนะ เยอรมนี (เยือน) 1-2
เสมอ สโลวีเนีย 1-1 (เหย้า)
ชนะ คาซัคสถาน 4-0 (เหย้า)
แพ้ ออสเตรีย 1-3 (ยูโร 2020)
แพ้ ยูเครน 1-2 (ยูโร 2020)
คาดว่ากุนซือ อีกอร์ อังเกลอฟสกี้ จะปรับทัพจากเกมก่อนที่แพ้ ยูเครน 1-2 แม้จะกระเด็นตกรอบเรียบร้อยแล้ว แต่ยังหวังเก็บชัยเป็นนัดแรกให้ได้ เพื่อส่งท้ายให้กับการผ่านเข้ามาเล่นทัวร์นาเมนต์ใหญ่เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ จึงพร้อมจัดผู้เล่นชุดใหญ่ตามแผนการเล่นแบบ 3-5-2 เพราะใช้งานพวกแข้งหลักได้ทั้งหมดเลย ไล่ตั้งแต่ผู้รักษาประตูจะให้ สโตล ดิมทรีเยฟสกี้ ยืนเฝ้าเสาเหมือนเดิม แนวรับยังคงใช้ ดาร์โก้ เวลคอฟสกี้ ยืนร่วมกับ สเตฟาน ริสตอฟสกี้ และ วิซาร์ มุสลิอู แดนกลางน่าจะให้ เอลจีฟ เอลมาส กลับมายืนคุมเกมร่วมกับ เอนิส บาร์ธี และ อารียาน อเดมี่ ส่วนฟูลแบ็กยังคงให้ เอซยาน อลิออสกี้ ยืนอยู่ทางซ้ายคนละด้านกับ โบบัน นิโกลอฟ แนวรุกยังคงใช้ โกรัน ปานเดฟ กัปตันทีมจอมเก๋าเป็นตัวหลัก และน่าจะให้ อเล็กซานดาร์ ทราจ์คอฟสกี้ กลับมายืนเป็นกองหน้าคู่กัน
รายชื่อ 11 ผู้เล่นตัวจริงที่คาดว่าจะลงสนาม
ผู้รักษาประตู : สโตล ดิมิทรีเยฟสกี้
แนวรับ : ดาร์โก้ เวลคอฟสกี้, สเตฟาน ริสตอฟสกี้, วิซาร์ มุสลิอู
แดนกลาง : เอลจีฟ เอลมาส, อารียาน อเดมี่, เอนิส บาร์ธี, เอซยาน อลิออสกี้, โบบัน นิโกลอฟ
แนวรุก : โกรัน ปานเดฟ, อเล็กซานดาร์ ทราจ์คอฟสกี้
ฮอลแลนด์
ผลงาน 5 เกมหลังสุด
ชนะ ยิบรอลตาร์ 7-0 (เยือน)
เสมอ สกอตแลนด์ 2-2 (สนามเป็นกลาง)
ชนะ จอร์เจีย 3-0 (เหย้า)
ชนะ ยูเครน 3-2 (ยูโร 2020)
ชนะ ออสเตรีย 2-0 (ยูโร 2020)
คาดว่ากุนซือ แฟรงค์ เดอ บัวร์ จะปรับทัพจากเกมนัดก่อนที่ชนะ ออสเตรีย 2-0 และอาจจะพักนักเตะตัวหลักบางตำแหน่ง เพื่อให้ผู้เล่นสำรองบางรายได้ลงสนาม เพราะได้ตบเท้าผ่านเข้าสู่รอบ 16 ทีมสุดท้ายในฐานะแชมป์กลุ่มเรียบร้อยแล้ว โดยตอนนี้รั้งจ่าฝูง มี 6 คะแนนเต็มจากการคว้าชัย 2 เกมซ้อน และมีผลงานเหนือกว่า ยูเครน กับ ออสเตรีย ซึ่งเป็นอีก 2 ทีมที่ยังมีลุ้นเบียดแย่งเข้ารอบกัน หลังจากที่เก็บชัยเหนือทั้งสองทีมได้ทั้งหมดเลย จึงน่าจะใช้แผนการเล่นแบบ 4-3-3 โดยผู้รักษาประตูยังคงใช้ มาร์เท่น สเตเคเลนเบิร์ก ยืนเฝ้าเสา แนวรับจะให้ มัทไธจ์ส เดอ ลิกท์ ยืนร่วมกับ สเตฟาน เดอ ไฟร์จ และ ยูร์เรียน ทิมเบอร์ แดนกลางอาจให้ ดาวี่ คลาสเซ่น ลงไปคุมเกมคู่กับ เฟรงกี้ เดอ ยอง และให้ จอร์จินโญ่ ไวจ์นัลดุม สวมบทเป็นจอมทัพคอยเชื่อมเกมไปสู่แดนหน้า ส่วนฟูลแบ็กจะให้ โอเว่น ไวน์จดัล ลงไปยืนฝั่งซ้ายคนละด้านกับ เดนซาล ดัมฟรีส์ แนวรุกน่าจะดร็อป วูต เวกฮอร์สท เพื่อให้ ลุค เดอ ยอง ลงไปยืนเป็นกองหน้าคู่กับ เมมฟิส เดปาย
รายชื่อ 11 ผู้เล่นตัวจริงที่คาดว่าจะลงสนาม
ผู้รักษาประตู : มาร์เท่น สเตเคเลนเบิร์ก
แนวรับ : มัทไธจ์ส เดอ ลิกท์, สเตฟาน เดอ ไฟร์จ, ยูร์เรียน ทิมเบอร์
แดนกลาง : ดาวี่ คลาสเซ่น, เฟรงกี้ เดอ ยอง, จอร์จินโญ่ ไวจ์นัลดุม, โอเว่น ไวน์จดัล, เดนซาล ดัมฟรีส์
แนวรุก : ลุค เดอ ยอง, เมมฟิส เดปาย
วิเคราะห์ฟันธง

คู่นี้เคยพบกันในทุกรายการมาแล้วทั้งหมด 4 นัด ปรากฎว่า ฮอลแลนด์ พกสถิติข่มแบบที่ไม่เคยแพ้ โดยเป็นฝ่ายชนะ 2 เกม และเสมออีก 2 เกม ส่วนนัดล่าสุดเจอกันในศึกฟุตบอลโลก 2010 รอบคัดเลือก โซนยุโรป เมื่อปี 2009 ปรากฎว่า ฮอลแลนด์ เปิดบ้านชนะ 4-0 แม้จะผ่านเข้าสู่รอบ 16 ทีมสุดท้ายไปแล้วก็จริง แต่ ฮอลแลนด์ ยังคงพร้อมเล่นแบบเต็มที่ เพื่อเอาใจแฟนบอลที่เข้ามาชมเกมในสนามบนดินแดนของตัวเอง จึงไม่อยากแพ้คาบ้านอย่างแน่นอน ส่วน มาซิโดเนียเหนือ พร้อมสู้ตายเพื่อคว้าชัยจากการลงเล่นในทัวร์นาเมนต์ใหญ่เป็นนัดแรกให้ได้ อย่างไรก็ตาม ฮอลแลนด์ มีศักยภาพเรื่องของตัวผู้เล่นที่เหนือกว่าอยู่สมควร ซึ่งตรงข้ามกับ มาซิโดเนียเหนือ ที่ยังต้องพึ่งพา โกรัน ปานเดฟ ให้ช่วยแบกทีมต่อไป คาดว่า ฮอลแลนด์ น่าจะเป็นฝ่ายเบียดคว้าชัยไปได้
ผลที่คาด – มาซิโดเนียเหนือ แพ้ ฮอลแลนด์ 1-2

ยูเครน VS ออสเตรีย
สนาม : เนชั่นแนล อารีน่า, กรุงบูคาเรสต์ ประเทศโรมาเนีย
เวลา : 23.00 น.
ยูเครน
ผลงาน 5 เกมหลังสุด
เสมอ บาห์เรน 1-1 (เหย้า)
ชนะ ไอร์แลนด์เหนือ 1-0 (เหย้า)
ชนะ ไซปรัส 1-0 (เหย้า)
แพ้ ฮอลแลนด์ 2-3 (ยูโร 2020)
ชนะ มาซิโดเนียเหนือ 2-1 (ยูโร 2020)
คาดว่ากุนซือ อังเดร เชฟเชนโก้ จะปรับทัพจากนัดก่อนที่ชนะ มาซิโดเนียเหนือ 2-1 เพื่อลุ้นเก็บชัยทะยานเข้ารอบไปเลย เพราะตอนนี้รั้งอันดับ 2 ของกลุ่ม มี 3 คะแนน เท่ากับ ออสเตรีย และถือไพ่เหนือกว่าในเรื่องของผลต่างประตูได้เสียอีกด้วย แม้จะไม่ได้เป็นผลบวกเหมือนกันทั้งสองทีม แต่เหนือกว่าในเรื่องของการยิงประตูได้มากกว่า หากเกมนี้ลงเอยด้วยผลเสมอจะได้ลอยลำในฐานะรองแชมป์กลุ่ม แต่ถ้าแพ้ยังมีโอกาสผ่านเข้ารอบในฐานะอันดับ 3 ที่มีผลงานดีที่สุด ซึ่งต้องไปรอลุ้นวัดสถิติกับทีมอันดับ 3 จากกลุ่มอื่นๆ ด้วย จึงพร้อมให้พวกแข้งหลักลงสนามตามแผนการเล่นแบบ 4-3-3 โดยผู้รักษาประตูยังคงให้ จอร์จี้ บุชชาน ยืนเฝ้าเสาต่อไป แนวรับจะให้ มีโคล่า มัตเวียนโก้ ยืนคู่กับ อิลเลีย ซาบาร์นี่ ส่วนฟูลแบ็กทั้งสองฝั่งยังคงเป็นหน้าที่ของ โอเล็กซานเดอร์ คาราวาเยฟ กับ วิตาลี มีโคเลนโก้ แดนกลางน่าจะให้ ทาราส สเตปาเนนโก้ ยืนร่วมกับ มีโคล่า ชาปาเรนโก้ และ โอเล็กซานเดอร์ ซินเชนโก้ แนวรุกยังคงใช้ 3 ประสาน รัสลาน มาลินอฟสกี้, อังเดร ยาร์โมเลนโก้ และ โรมัน ยาเรมชุค ซึ่งจะสวมบทเป็นหัวหอกเหมือนเดิม
รายชื่อ 11 ผู้เล่นตัวจริงที่คาดว่าจะลงสนาม
ผู้รักษาประตู : จอร์จี้ บุชชาน
แนวรับ : มีโคล่า มัตเวียนโก้, อิลเลีย ซาบาร์นี่, โอเล็กซานเดอร์ คาราวาเยฟ, วิตาลี มีโคเลนโก้
แดนกลาง : ทาราส สเตปาเนนโก้, มีโคล่า ชาปาเรนโก้, โอเล็กซานเดอร์ ซินเชนโก้
แนวรุก : อังเดร ยาร์โมเลนโก้, รัสลาน มาลินอฟสกี้, โรมัน ยาเรมชุค
ออสเตรีย
ผลงาน 5 เกมหลังสุด
ชนะ หมู่เกาะแฟโร 3-1 (เหย้า)
แพ้ เดนมาร์ก 0-4 (เหย้า)
แพ้ อังกฤษ 0-1 (เยือน)
ชนะ มาซิโดเนียเหนือ 3-1 (ยูโร 2020)
แพ้ ฮอลแลนด์ 0-2 (ยูโร 2020)
คาดว่ากุนซือ ฟรานโก้ โฟด้า จะปรับทัพจากเกมนัดก่อนที่แพ้ ฮอลแลนด์ 0-2 เพื่อลุ้นคว้าชัยตบเท้าผ่านเข้าสู่รอบต่อไป เพราะตอนนี้รั้งอันดับ 2 ของกลุ่ม มี 3 คะแนน เท่ากับ ยูเครน แต่เป็นรองในเรื่องของการยิงประตูได้น้อยกว่า หากลงเอยด้วยผลเสมอ หรือแพ้จะมีลุ้นลอยลำเข้ารอบในฐานะอันดับ 3 ที่มีผลงานดีที่สุด ซึ่งจะดูตามสถิติของทีมอันดับ 3 จากทั้ง 6 กลุ่มเพื่อเอาเพียง 4 ทีมผ่านเข้ารอบนั่นเอง จึงพร้อมให้พวกแข้งหลักลงสนามตามแผนการเล่นแบบ 3-5-2 อย่างแน่นอน เริ่มจากผู้รักษาประตูยังคงใช้ ดาเนี่ยล บัคมันน์ ยืนเฝ้าเสาตามเดิม แนวรับน่าจะใช้ 3 ประสาน มาร์ติน ฮินเทเรกเกอร์, อเล็กซานดาร์ ดราโกวิช และ ดาวิด อบาลา แดนกลางน่าจะวาง คริสตอฟ บอมการ์ทเนอร์ คุมเกมร่วมกับ ซาเวอร์ ชลาเกอร์ และ คอนราด ไลเมอร์ ส่วนฟูลแบ็กทั้งสองฝั่งจะใช้ อันเดรียส อุลเมอร์ และ สเตฟาน ไลเนอร์ แนวรุกจะได้ มาร์โก้ อาร์เนาโตวิช พ้นโทษแบนกลับมา และน่าจะให้ยืนล่าตาข่ายคู่กับ มาร์เซล ซาบิทเซอร์ ไปเลย
รายชื่อ 11 ผู้เล่นตัวจริงที่คาดว่าจะลงสนาม
ผู้รักษาประตู : ดาเนี่ยล บัคมันน์
แนวรับ : มาร์ติน ฮินเทเรกเกอร์, อเล็กซานดาร์ ดราโกวิช, ดาวิด อลาบา
แดนกลาง : คริสตอฟ บอมการ์ทเนอร์, คอนราด ไลเมอร์, ซาเวอร์ ชลาเกอร์, อันเดรียส อุลเมอร์, สเตฟาน ไลเนอร์
แนวรุก : มาร์เซล ซาบิทเซอร์, มาร์โก้ อาร์เนาโตวิช
วิเคราะห์ฟันธง

คู่นี้เคยพบกันในทุกรายการมาแล้วทั้งหมดเพียง 2 นัด ปรากฎว่ามีสถิติสูสีกัน โดยผลัดกันแพ้ 1 เกม และชนะอีก 1 เกม ส่วนนัดล่าสุดเจอกันในเกมนัดกระชับมิตร เมื่อปี 2012 ปรากฎว่า ออสเตรีย เปิดบ้านเฉือนชนะ 3-2 ด้วยเงื่อนไขของการผ่านเข้ารอบ ทำให้ ยูเครน อยู่ในสถานการณ์ที่ดีกว่า เพราะสามารถจบด้วยผลเสมอได้นั่นเอง ดังนั้น ออสเตรีย จึงพร้อมเปิดเกมรุกเข้าใส่เพื่อจะได้ลุ้นคว้าชัยชนะไปเลย ซึ่งน่าจะเข้าทาง ยูเครน ที่เล่นเกมสวนกลับเร็วได้ดีอยู่แล้ว แม้เกมนี้ ออสเตรีย จะได้ มาร์โก อาร์เนาโตวิช พ้นโทษแบนกลับมาเป็นตัวความหวังในแดนหน้า แต่แนวรุกของ ยูเครน มีแต่พวกตัวเร็วๆ ทั้งนั้นเลย โดยเฉพาะ อังเดร ยาร์โมเลนโก้ กับ โรมัน ยาเรมชุค ซึ่งยิงไปแล้วคนละ 2 ประตู คาดว่า ออสเตรีย น่าจะเป็นฝ่ายครองบอลได้มากกว่า แต่สุดท้าย ยูเครน น่าจะอาศัยจังหวะโป้งเดียวปิดบัญชีที่เฉียบคมกว่าเพื่อคว้าชัยไปได้แบบหวุดหวิด
ผลที่คาด – ยูเครน ชนะ ออสเตรีย 2-1
อ่านบทวิเคราะห์ คู่ ฟินแลนด์ VS เบลเยี่ยม และ รัสเซีย VS เดนมาร์ก คลิกที่นี่