ศึกฟุตบอลยูโร 2020 ประจำวันเสาร์ที่ 26 มิ.ย.นี้ เดินทางมาถึงรอบ 16 ทีมสุดท้ายกันแล้ว ซึ่งมีโปรแกรมฟาดแข้งกันทั้งหมด 2 คู่ เริ่มจากคู่ของ เวลส์ พบกับ เดนมาร์ก และปิดท้ายด้วย อิตาลี พบกับ ออสเตรีย โดยสามารถติดตามบทวิเคราะห์ฟันธงกันได้ทุกวันจนถึงรอบชิงชนะเลิศในวันอาทิตย์ที่ 11 ก.ค.นี้กันได้เลย

เวลส์ VS เดนมาร์ก
สนาม : โยฮัน ครัฟฟ์ อารีน่า, กรุงอัมสเตอร์ดัม ประเทศฮอลแลนด์
สนาม : 23.00 น.
เวลส์
ผลงาน 5 เกมหลังสุด
แพ้ ฝรั่งเศส 0-3 (เยือน)
เสมอ แอลเบเนีย 0-0 (เหย้า)
เสมอ สวิตเซอร์แลนด์ 1-1 (ยูโร 2020)
ชนะ ตุรกี 2-0 (ยูโร 2020)
แพ้ อิตาลี 0-1 (ยูโร 2020)
คาดว่ากุนซือ โรเบิร์ต เพจ จะปรับทัพจากเกมนัดสุดท้ายของรอบแบ่งกลุ่มที่แพ้ อิตาลี 0-1 จึงได้ผ่านเข้ารอบในฐานะรองแชมป์กลุ่ม เอ แต่เกมนี้จะหมดสิทธิ์ใช้งาน เอธาน อัมปาดู กองหลังดาวรุ่งที่ติดโทษแบนจากการโดนใบแดงไล่ออกจากสนามในนัดก่อน โดยพร้อมจัดทัพใหญ่ลงสนามตามแผนการเล่นแบบ 4-2-3-1 เริ่มจากผู้รักษาประตูจะให้ แดนนี่ วอร์ด ยืนเฝ้าเสาเหมือนเดิม แนวรับยังคงใช้ คริส เมปแฮม ยืนคู่กับ โจ โรดอน ส่วนฟูลแบ็กทั้งสองฝั่งเป็นหน้าที่ของ เบน เดวิส กับ คอนนอร์ โรเบิร์ตส แดนกลางวาง โจ อัลเลน คุมเกมร่วมกับ โจ มอร์เรลล์ แนวรุกพร้อมให้ อารอน แรมซีย์ สวมบทเป็นจอมทัพคอยเชื่อมเกมระหว่างแผงมิดฟิลด์ ส่วนปีกริมเส้นทั้งสองข้างยังคงเป็นหน้าที่ของ ดาเนี่ยล เจมส์ กับ แกเรธ เบล ส่วนกองหน้าตัวเป้ายังคงใช้ คีฟเฟอร์ มัวร์
รายชื่อ 11 ผู้เล่นตัวจริงที่คาดว่าจะลงสนาม
ผู้รักษาประตู : แดนนี่ วอร์ด
แนวรับ : คริส เมปแฮม, โจ โรดอน, เบน เดวิส, คอนนอร์ โรเบิร์ตส
แดนกลาง : อารอน แรมซีย์, โจ มอร์เรลล์, โจ อัลเลน
แนวรุก : ดาเนี่ยล เจมส์, คีฟเฟอร์ มัวร์, แกเรธ เบล
เดนมาร์ก
ผลงาน 5 เกมหลังสุด
เสมอ เยอรมนี 1-1 (สนามเป็นกลาง)
ชนะ บอสเนีย 2-0 (เหย้า)
แพ้ ฟินแลนด์ 0-1 (ยูโร 2020)
แพ้ เดนมาร์ก 1-2 (ยูโร 2020)
ชนะ รัสเซีย 4-1 (ยูโร 2020)
คาดว่ากุนซือ แคสเปอร์ ฮูลมานด์ จะปรับทัพจากเกมสุดท้ายของรอบแบ่งกลุ่มที่ไล่ต้อน รัสเซีย 4-1 จึงได้ผ่านเข้ารอบในฐานะรองแชมป์กลุ่ม บี ทั้งๆ ที่ 2 เกมแรกพบกับความพ่ายแพ้ทั้งหมดเลยด้วย โดยพร้อมให้พวกแข้งหลักลงสนามตามแผนการเล่นแบบ 3-4-3 เริ่มจากผู้รักษาประตูยังคงให้ แคสเปอร์ ชไมเคิ่ล ยืนเฝ้าเสาเป็นมือหนึ่ง แนวรับยังคงใช้ 3 ประสาน อันเดรียส คริสเตียนเซ่น, ยานนิค เวสเตอร์การ์ด และ ซิมง เคียร์ แดนกลางยังคงไร้ คริสเตียน อีริคเซ่น ต้องพักรักษาตัวจากอาการวูบหมดสติในนัดประเดิมสนาม โดยจะเป็นหน้าที่ของ โธมัส เดลานีย์ กับ ปิแอร์ ฮอยเบิร์ก ยืนคุมเกมในแผงมิดฟิลด์เหมือนเดิม ส่วนฟูลแบ็กทั้งสองฝั่งจะใช้ โจอาคิม มาห์เล่ กับ ดาเนี่ยล วาสส์ แนวรุกไม่น่าจะเปลี่ยนแปลงไปจาก ยุสเซฟ โพลเซ่น, มิคเคล ดัมสการ์ด และ มาร์ติน เบรธเวท
รายชื่อ 11 ผู้เล่นตัวจริงที่คาดว่าจะลงสนาม
ผู้รักษาประตู : แคสเปอร์ ชไมเคิ่ล
แนวรับ : อันเดรียส คริสเตียนเซ่น, ยานนิค เวสเตอร์การ์ด, ซิมง เคียร์
แดนกลาง : โจอาคิม มาเอห์เล่, ดาเนี่ยล วาสส์, โธมัส เดลานีย์, ปิแอร์ ฮอยเบิร์ก
แนวรุก : ยุสเซฟ โพลเซ่น, มิคเคล ดัมสการ์ด, มาร์ติน เบรธเวท
วิเคราะห์ฟันธง

คู่นี้เคยพบกันในทุกรายการมาแล้วทั้งหมด 10 นัด ปรากฎว่า เวลส์ มีสถิติเป็นรองเล็กน้อย โดยเป็นฝ่ายชนะ 4 เกม และแพ้ 6 เกม ส่วนนัดล่าสุดเจอกันในศึกยูฟ่า เนชั่นส์ลีก เมื่อปี 2018 ปรากฎว่า เวลส์ เป็นฝ่ายแพ้คาบ้าน 1-2 แม้จะพลาดท่าแพ้ใน 2 เกมแรกของรอบแบ่งกลุ่ม แต่ เดนมาร์ก กลับมีลูกฮึดในนัดสุดท้ายของรอบแรก จึงสามารถตบเท้าผ่านเข้ารอบได้แบบน่าประทับใจ
ส่วน เวลส์ ยังคงเป็นทีมที่ทำผลงานได้ไม่ค่อยคงเส้นคงวา แต่จะมองข้ามฝีเท้าไปเสียไม่ได้เลย เพราะสามารถงัดฟอร์มเก่งออกโชว์ในทัวร์นาเมนต์ใหญ่ได้อยู่เป็นประจำ ดูได้จากผลงานในศึกยูโร 2016 ที่ผ่านเข้าถึงรอบรองชนะเลิศได้เลยด้วย หากวัดจากเรื่องของขวัญกำลังใจจะเห็นได้เลยว่า เดนมาร์ก ยังอยู่ในช่วงที่มีความมุ่งมั่นสูงมากๆ เพราะนักเตะทุกคนพร้อมลงเล่นเพื่อ คริสเตียน อีริคเซ่น เพื่อนร่วมทีมที่มีอาการวูบหมดสติคาสนามนั่นเอง ส่วน เวลส์ ยังคงมีทีเด็ดจากเกมรุกริมเส้นที่มีความรวดเร็วทั้งสองฝั่งเลย นั่นก็คือ ดาเนี่ยล เจมส์ กับ แกเรธ เบล แต่แนวรับยังดูไม่นิ่งเสียเท่าไรนัก ดังนั้น เดนมาร์ก จึงมีโอกาสลุ้นคว้าชัยได้มากกว่า
ผลที่คาด – เวลส์ แพ้ เดนมาร์ก 1-2
ดูวิเคราะห์คู่ อิตาลี vs ออสเตรีย คลิกที่นี่
ดูโปรแกรมฟุตบอลยูโร 2020 คลิกที่นี่